สมัยพระพุทธกาล
โดย:
สายสืบนิสัยศาสตร์ (muisun)
[IP: 171.4.231.xxx]
เมื่อ: 2023-01-28 05:11:06
สมัยพระ
สมัยพระพุทธกาล
พระองค์ทรงสอน พระพาหิยะ
ว่าเเธอจงทำไว้ในใจ ให้รู้ทันว่า เห็นก็สักแต่ว่าเห็น ได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยิน ได้ทราบก็สักแต่ได้ทราบ ถ้า เธอทำอย่างนี้แล้วไซ้ เธอก็จะไม่มื ในนี้และ ในที่ ไหนๆ การ หลุดพ้นไป ก็มีด้วยประการฉะนี้ พระพาหิยะรู้ทันตาม พระพุทธดำรัส ก็หลุดพ้นจากความยึด ถือในตัวตนหมดกิเลสรู้ทันว่า ชาติสิ้นแล้วพรหมจรรย์อยู่จบแล้วกิจที่ต้องทำไม่มีอีกแล้วได้เป็นพระ อรหันต์ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้บวช ศีลก็ยังไม่ได้รักษา สมาธิก็ยังไม่ได้ทำ เพราะบางคน วิปัสสนามาก่อน ส้มมัตถะ มาภายหลัง บางคนสัมมัตถะมาก่อน วิปัสสนา มาภายหลัง บางคนก็วิปัสนาสัมมัตถะมาพร้อมกัน บางคนก็วิปัสสนาอย่างเดียว สัมมัตถะอย่างเดียว แล้วแต่การชอบ บังคับกันไม่ได้ สิทธิ์ส่วนความคิดเห็น จึงต้องรู้ทันจะคิดดับ เพื่อดับความเห็น อันมีโทษ มากให้หมดเกี้ยงจะได้เป็นสัมมาทิฏฐิ เลิกเถียงกัน
สมัยพระพุทธกาล
พระองค์ทรงสอน พระพาหิยะ
ว่าเเธอจงทำไว้ในใจ ให้รู้ทันว่า เห็นก็สักแต่ว่าเห็น ได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยิน ได้ทราบก็สักแต่ได้ทราบ ถ้า เธอทำอย่างนี้แล้วไซ้ เธอก็จะไม่มื ในนี้และ ในที่ ไหนๆ การ หลุดพ้นไป ก็มีด้วยประการฉะนี้ พระพาหิยะรู้ทันตาม พระพุทธดำรัส ก็หลุดพ้นจากความยึด ถือในตัวตนหมดกิเลสรู้ทันว่า ชาติสิ้นแล้วพรหมจรรย์อยู่จบแล้วกิจที่ต้องทำไม่มีอีกแล้วได้เป็นพระ อรหันต์ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้บวช ศีลก็ยังไม่ได้รักษา สมาธิก็ยังไม่ได้ทำ เพราะบางคน วิปัสสนามาก่อน ส้มมัตถะ มาภายหลัง บางคนสัมมัตถะมาก่อน วิปัสสนา มาภายหลัง บางคนก็วิปัสนาสัมมัตถะมาพร้อมกัน บางคนก็วิปัสสนาอย่างเดียว สัมมัตถะอย่างเดียว แล้วแต่การชอบ บังคับกันไม่ได้ สิทธิ์ส่วนความคิดเห็น จึงต้องรู้ทันจะคิดดับ เพื่อดับความเห็น อันมีโทษ มากให้หมดเกี้ยงจะได้เป็นสัมมาทิฏฐิ เลิกเถียงกัน
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments