ปัญหาธรรมประจำวันนี้ : เราจะรู้ได้อย่างไรว่า นรก – สวรรค์ มีจริงหรือไม่

โดย: NinJa [IP: 45.56.153.xxx]
เมื่อ: 2019-09-13 12:57:09
ปัญหาธรรมประจำวันนี้ : เราจะรู้ได้อย่างไรว่า นรก – สวรรค์ มีจริงหรือไม่

ถาม : พระอาจารย์คะ นรก – สวรรค์มีจริงหรือเปล่าคะ



พระมหาไพโรจน์ ญาณกุสโล ได้ตอบคำถามเรื่อง “นรก – สวรรค์” นี้ไว้ว่า



ตอบ : ถ้าตอบแบบสั้น ๆ ก็มีจริง เพราะอาตมาเชื่อคำที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ ถ้าเราไม่เชื่อว่านรก - สวรรค์มีจริง ก็เท่ากับเราเชื่อว่าในโลกนี้มีแต่เพียงมนุษย์



ส่วนมากที่เราไม่เชื่อ เพราะสวรรค์เราก็ไม่เคยเห็น นรกเราก็ไม่เคยเห็น แต่เราต้องคิดว่าบางอย่างเราเองก็ไม่สามารถที่จะเห็นได้ด้วยสายตา เหมือนเราอยู่กรุงเทพฯและไม่เคยไปจังหวัดระยอง เราจะวาดภาพระยองยังไงก็แล้วแต่ หรือใครมาพูดว่าระยองดีอย่างนั้นอย่างนี้ เราก็ไม่เชื่อ เพราะไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนด้วยตนเอง แต่ถามว่า ระยองมีจริงไหม…มีจริง ถูกไหมล่ะ



ถาม : ถ้าอย่างนั้น เรายังควรสงสัยเรื่องนรก – สวรรค์อยู่ไหมคะ



ตอบ : สงสัยได้ แต่ถ้าจะตอบให้เป็นรูปธรรมชัดเจน ตอบไม่ได้ หรือถึงจะตอบได้ คนถามก็มองไม่เห็นอยู่ดี พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า อจินฺเตยฺย ในภาษาไทยเรียกว่า อจินไตย แปลว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรแก่การนำมาคิด เพราะคิดไปก็ไม่มีที่สิ้นสุด



ถาม : จริง ๆ แล้วเรื่องนรก – สวรรค์ที่ผู้เฒ่าผู้แก่ชอบเอามาขู่มาสอนลูกหลานเป็นเพียงกุศโลบายให้คนทำความดี ละเว้นความชั่วหรือเปล่าคะ



ตอบ : คนไทยเราเอานรก - สวรรค์มาสอนลูกหลานเพื่อให้ละเว้นความชั่ว ขวนขวายทำความดี อันนี้เป็นสิ่งที่ดี เป็นกุศโลบายเกี่ยวกับสิ่งที่มีจริง ไม่ได้หลอกกัน เรื่องของเรื่องคือเราไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า พูดไปก็ไม่เชื่อ ถามว่าอาตมาเคยเห็นไหม ไม่เคยเห็น แต่เชื่อ ถามว่าไม่เห็นแล้วเชื่อได้ยังไงบางอย่างไม่เห็นก็เชื่อได้ บางอย่างถึงจะเห็นแต่เชื่อไม่ได้ก็มี



พระพุทธเจ้าท่านตรัสอยู่คำหนึ่งว่า ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพและ เอหิปสฺสิโก หมายถึง รู้ได้เฉพาะตน พระพุทธเจ้าตรัสสอนธรรมะเยอะแยะมากมาย เราก็รู้กันว่าทรงสอนธรรมะเพื่อความหลุดพ้นจากความทุกข์ แล้วหลุดพ้นจริงไหม ท่านทรงบอกว่าแม้กระทั่งที่ท่านตรัสเอง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะบังคับให้เชื่อมันต้องลงมือทำด้วยตนเองจึงจะรู้ได้



ถาม : งั้นต้องทำอย่างไรถึงจะเห็นนรก – สวรรค์ล่ะคะ



ตอบ : ทำความดีไง ให้ทาน รักษาศีล นั่งกรรมฐาน เป็นต้นตามหลักท่านทรงบอกให้รักษาศีล 5 แต่คำว่า “เห็นได้” คือตายแล้วไปเกิดถึงจะเห็นนะ (หัวเราะ)



ถาม : แล้วก่อนตายต้องทำอย่างไรถึงจะเห็นว่านรก – สวรรค์มีจริงล่ะคะ



ตอบ : ก็อาจจะเห็นได้ แต่ถ้าเห็นได้และเชื่อได้ด้วย ต้องเป็นพระอรหันต์ผู้หมดกิเลส การที่ “เห็นได้” หรือ “ไม่เห็น” ไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นมีหรือไม่มีนะ บางทีเรามองไม่เห็น แต่เราจะบอกว่าไม่มี…ไม่ได้ ถึงเห็นแล้วจะบอกว่ามี…ก็ไม่ได้เหมือนกัน



อันที่จริงมันไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่เราไปเห็นหรือไม่เห็น มันขึ้นอยู่กับว่าเรามีความสามารถในการตัดสินว่ามันใช่หรือไม่ใช่ต่างหาก เช่น สมมติว่าเราไม่เคยเห็นคุณปู่ แต่เราเชื่อว่ามีเพราะพ่อบอก มีคนบอกจึงเชื่อ แต่ถ้าเราไม่เห็นแล้วก็ไม่มีคนบอกด้วย เราก็จะไม่เชื่อ แล้วมันถูกไหมที่บอกว่า “กูไม่เห็น กูไม่เชื่อ”…ไม่ถูก

ถ้าไม่เชื่อว่านรกมี สวรรค์มี ก็เท่ากับเราเชื่อว่าในโลกใบนี้มีแต่มนุษย์ หรือสัตว์เดรัจฉานที่เราเห็นอยู่ แล้วทำไมสองภพนี้เราถึงเชื่อว่ามี เราก็จะตอบว่าเพราะเราเห็นอยู่…แบบนี้ไม่ถือว่าเราตัดสินอะไรง่ายเกินไปหรือ



ถาม : ถ้าเช่นนั้นที่บอกว่าสวรรค์อยู่บนฟ้า นรกอยู่ใต้ดิน…จริงหรือเปล่าคะ



ตอบ : อาตมาก็ไม่รู้เพราะไม่เคยเห็น (หัวเราะ) แต่ในตำราเขาพูดกันมาอย่างนั้น ในพระไตรปิฎกบันทึกไว้ว่า ตอนที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพระพุทธมารดาก่อนวันออกพรรษาพระองค์เสด็จลงมาจากสวรรค์ให้ผู้คนตักบาตรกัน จนกลายเป็นประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ พระองค์เสด็จ “ลง” จากสวรรค์คนเลยเข้าใจกันว่าสวรรค์ต้องอยู่เหนือพื้นดิน แต่การจะให้ไปชี้ว่ามันอยู่ตรงไหน ไม่มีใครชี้ได้ คนที่จะชี้ได้ถูกต้องถูกจุดจริง ๆ นอกจากพระพุทธเจ้าก็เห็นจะมีแต่พระอรหันต์เท่านั้นไม่งั้นพวกที่ขึ้นไปบนดวงจันทร์ก็ต้องเจอสิ เครื่องบินที่บินสูง ๆก็ต้องชนวิมานเทวดาบ้าง แต่ไม่มีปรากฏเลย อาตมาถึงบอกว่ายากที่จะชี้ว่าสวรรค์อยู่ตรงนั้น นรกอยู่ตรงนี้ แต่อาตมาเข้าใจว่ามันน่าจะเป็นสถานภาพที่เหนือกว่ามนุษย์และสัตว์เดรัจฉานและด้วยความที่เรามีความหยาบกว่า เราจึงไม่เห็นอะไรที่ละเอียดกว่า แต่เขาอาจจะเห็นเราก็ได้



ถาม : หากไม่เชื่อเรื่องนรก – สวรรค์ แต่ยังคงทำความดี ละเว้นความชั่ว ปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้าด้วยศีล สมาธิ ภาวนา แบบนี้จะไม่เชื่อได้ไหม



ตอบ : ได้ การยังคงทำความดีและละเว้นความชั่ว ไม่ว่าจะด้วยการรักษาศีลหรือเจริญสมาธิภาวนาอย่างหนึ่งอย่างใดก็แล้วแต่นั่นถือว่าเขากำลังสร้างเหตุสร้างปัจจัยที่ดีอยู่ โดยไม่จำเป็นว่าเขาจะต้องทำความดีเพราะกลัวตกนรกหรืออยากขึ้นสวรรค์แต่ความดีที่เขากำลังกระทำอยู่นั้นจะเป็นผู้จำแนกแยกแยะชี้นำทางให้ตัวเขาไปเอง ถึงแม้จะเชื่อว่านรก - สวรรค์มีจริงหรือไม่ก็ตาม



ถาม : สรุปว่าความเชื่อเรื่องนรก – สวรรค์มีประโยชน์ต่อชีวิตเราไหมคะ

ตอบ : มีประโยชน์แน่นอน เช่น ถ้าเราเชื่อว่ามีนรกจริง เราจะไม่ทำความชั่ว ทำแต่ความดี ในขณะเดียวกัน หากเราเชื่อว่านรกมีจริง เราจะเชื่อว่าสวรรค์มีจริงไปด้วย มันเหมือนกับหนีร้ายไปหาดี หนีนรกไปหาสวรรค์ขณะที่เราหนีร้ายไปหาดี เราก็ต้องทำดีเพื่อจะหนีร้ายซึ่งเท่ากับว่าเรามุ่งหน้าไปสู่โลกสวรรค์ที่ดีแล้ว



เรียบเรียงโดย : เกมส์สล็อต

ชื่อผู้ตอบ:

Visitors: 115,091