วางแผนให้ชีวิต…แค่คิดชีวิตก็เปลี่ยน
โดย:
โนโนโรนิน
[IP: 113.53.228.xxx]
เมื่อ: 2019-11-05 12:30:24
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน เผลอแป๊บเดียวเวลาก็เดินมาครึ่งปีแล้ว ท่านผู้อ่านได้มีการทบทวนเป้าหมายในชีวิตกันบ้างรึยังครับว่าสิ่งที่ท่านผู้อ่านได้ตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้มีการเดินหน้าความสำเร็จไปแล้วอย่างไรบ้าง
โดยเฉพาะเรื่องการวางแผนทางการเงินเพื่อเป้าหมายในชีวิต แน่นอนว่าเรื่องของการใช้จ่ายทางการเงินเป็นเรื่องที่สนุกสนานกว่าการออมเงินเป็นไหนๆ แต่การที่เราจะใช้จ่ายเพื่อทำตามเป้าหมายที่อยากได้นั้น ย่อมใช้เงินเป็นปัจจัยสำคัญสำคัญทั้งนั้นครับ
ดังนั้นถ้าอยากให้เป้าหมายของเราเป็นจริงได้ขึ้นมานั้น ก็ต้องแปลงเความฝันนั้นให้กลายเป็นเป้าหมายที่ดี หรือที่เรียกกันว่า SMART Goals ซึ่งประกอบด้วย
S : Specific (ชัดเจน) การตั้งเป้าหมายที่ดีนั้นต้องถูกกำหนดไว้อย่างเฉพาะเจาะจง ชัดเจนไม่คลุมเครือ รู้ว่าต้องการอะไร และจะบรรลุเป้าหมายตอนไหน
M : Measurable (วัดผลได้) เป้าหมายที่ดีต้องวัดผลเป็นตัวเลข หรือเป็นตัวเงินได้อย่างชัดเจน เพราะจะทำให้เราเห็นระยะทางของความก้าวหน้าและรู้ว่าใกล้จะถึงเป้าหมายแล้วหรือยัง
A : Achievable (ทำสำเร็จได้) เป้าหมายที่ดี ต้องสามารถทำให้สำเร็จตามเป้าหมายได้ รู้ว่าต้องควรทำอย่างไร และมีความรับผิดชอบในการทำให้สำเร็จ
R : Realistic (เป็นไปได้) เป้าหมายที่ดี ต้องมีความเป็นไปได้ สมเหตุสมผล สอดคล้องกับความเป็นจริง และมีความเกี่ยวพันกับชีวิต และสุดท้าย
T : Time Bound (มีกรอบเวลาที่ชัดเจน) รู้ว่าต้องใช้ระยะเวลาเท่าใดในการทำให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งโดยทั่วไป เป้าหมายจะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ซึ่งได้แก่ เป้าหมายระยะสั้น (ไม่เกิน 1 ปี) เป้าหมายระยะกลาง (1-10 ปี) และเป้าหมายระยะยาว (10 ปีขึ้นไป)
เมื่อเรารู้วิธี แนวทางที่จะไปให้ถึงเป้าหมายแล้ว และก็ต้องลงมือปฏิบัติ และวางเป้าหมายหมายให้ชัดเจนครับ ซึ่งผมอยากลองให้ท่านผู้อ่านหยิบกระดาษและปากกา พร้อมใช้ใจ ใช้สมองลองจิตนาการภาพของตนเองว่าอนาคต อีก 5 ปี 10 ปี 25 ปี และอีก 50 ปี จะเป็นอย่างไร นึกภาพตัวเองเอาไว้นะครับ แล้วเขียนหรือวาดภาพ ในแต่ละจุดเวลา ลงไปในกระดาษ เมื่อเสร็จแล้ว ลองคิดหาวิธีการทำให้ได้อย่างที่เราคิดครับ ซึ่งผมจะขอยกตัวอย่างที่ผมเคยทำเมื่อตอนผมอายุ 18 ปี ให้ท่านผู้อ่านได้ลองทำพอเป็นแนวทางนะครับ
โดยเป้าหมายแรกของผมนั้นคือ เป้าหมาย 4 ปี ของการเรียน ปริญญาตรี ตอนอายุ 18-22 ปี ผมตั้งเป้าหมาย คือ 1.ต้องเรียนให้ดี (จบเกียรตินิยม) เพื่อให้ได้งานทำดี ๆ และ 2.ตอนเรียนจบผมต้องมีเงินเก็บ 100,000 บาท เพื่อนำไปลงทุนในอนาคต เมื่อตั้งเป้าหมายเสร็จ ก็มาหาวิธีการไปสู่เป้าหมาย ผมเขียนแผนแบบกว้างสัก 2-3 ข้อ แต่ที่สำคัญผมคิดว่าต้องเป็นแผนที่ผมสามารถทำได้จริงในช่วงนั้น โดยผมตัดสินใจที่จะเก็บเงินโดยฝากเข้าบัญชีฝากประจำที่สหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยเดือนละ 2,000 บาท เป็นเวลา 4 ปี เมื่อรวมกับดอกเบี้ยร้อยละ 3.5 ต่อปี ผมก็จะมีเงินตอนเรียนจบ 103,000 บาท นิดๆ ครับ แล้วทำยังไงให้ได้เดือนละ 2,000 บาท ก็ทำโดย การประหยัดให้ได้เดือนละ 1,000 บาท และ หารายได้จากการทำงาน การขายของให้ได้เพิ่มอีกเดือนละ 1,000 บาท ซึ่งไม่ยากเลย สุดท้ายพอผมเรียนจบปริญญาตรี ผมมีเงินเก็บประมาณ 150,000 บาท แต่การเรียนผมก็ไม่ทิ้งนะครับ เพราะเป้าหมายผมต้องการเรียนให้ดีด้วย เพื่อจะได้งานที่ดี ผมก็หาวิธีการเรียนโดยกำหนดวิธีการที่แน่นอน คือ กลางวันไม่เข้าเรียน เพราะไปหางานทำและขายของโดยจะเข้าเรียนเฉพาะวิชาที่อาจารย์เช็คชื่อเท่านั้น แต่กลางคืน ตั้งแต่ 19.00-23.00 น.ของทุกวันจะต้องอ่านหนังสืออย่างเคร่งครัดที่สุดและต้องทำให้ได้ตามแผน หากวันใดขาดตกไป ก็ต้องเก็บไปชดเชยในวันถัด ๆ ไป ผมทำแบบนี้ทุกวันจนเรียนจบ ปรากฎว่าเรียนได้เกียรตินิยมอันดับสอง ซึ่งผมก็โอเคแล้วสำหรับมหาวิทยาลัยและคณะที่ผมเรียนและจากการเรียนดีของผมส่งผลให้ เมื่อเรียนจบมาผมจึงสามารถเข้าทำงานในส่วนราชการได้ทันที
ส่วนเงิน 150,000 บาท ซึ่งเป็นเงินเก็บระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัยนั้น ผมแบ่งไปลงทุน ดังนี้ 1.ทำธุรกิจร่วมกับเพื่อนๆ 2,000 บาท ดูแล้วทำไมน้อยจัง (อนาคตผมจะแนะนำวิธีการเริ่มธุรกิจแบบใช้เงินน้อย ๆ แต่ใช้ความคิดเยอะ ครับ) 2.ลงทุนหาความรู้ให้ตัวเองโดยเรียนปริญญาโท 100,000 บาท 3.เงินส่วนที่เหลือแบ่งครึ่งหนึ่งไปซื้อกองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีและอีกครึ่งหนึ่งเก็บไว้ในบัญชีออมทรัพย์ไว้ใช้เวลาฉุกเฉิน หลังจากนั้นผมก็ทำเป้าหมายช่วงอายุ 23-26 ปี 27-30 ปี และ แผนตอนเกษียณอายุตามลำดับครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับตัวอย่างในการตั้งเป้าหมายของผม ท่านผู้อ่านเห็นไหมครับว่าถ้าหากเรามีการตั้งเป้าหมายในชีวิตให้ชัดแจ้งและมีวิธีปฏิบัติที่ชัดเจนนั้นมันมีพลังมหาศาลที่จะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จได้ แม้ว่าวันนี้ความสำเร็จอาจจะยังไม่ถึงจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจไว้ก็ตาม แต่สิ่งดังกล่าวนี้ก็จะช่วยทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้นะครับ หลังจากที่เรามีเป้าหมายที่ดีแล้ว ก็ต้องเริ่มขั้นตอนต่อไป นั่นก็คือ “ตั้งใจ”และ “มีวินัย” เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่ฝันไว้นะครับ และนี่คือสูตรสำคัญที่สุดในการที่จะทำให้เรามั่งคั่งได้ครับ
หากท่านมีข้อสงสัย หรือมีคำถามสามารถส่งคำถามมาได้ที่ >> slotxo << แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้าครับสวัสดีครับ
โดยเฉพาะเรื่องการวางแผนทางการเงินเพื่อเป้าหมายในชีวิต แน่นอนว่าเรื่องของการใช้จ่ายทางการเงินเป็นเรื่องที่สนุกสนานกว่าการออมเงินเป็นไหนๆ แต่การที่เราจะใช้จ่ายเพื่อทำตามเป้าหมายที่อยากได้นั้น ย่อมใช้เงินเป็นปัจจัยสำคัญสำคัญทั้งนั้นครับ
ดังนั้นถ้าอยากให้เป้าหมายของเราเป็นจริงได้ขึ้นมานั้น ก็ต้องแปลงเความฝันนั้นให้กลายเป็นเป้าหมายที่ดี หรือที่เรียกกันว่า SMART Goals ซึ่งประกอบด้วย
S : Specific (ชัดเจน) การตั้งเป้าหมายที่ดีนั้นต้องถูกกำหนดไว้อย่างเฉพาะเจาะจง ชัดเจนไม่คลุมเครือ รู้ว่าต้องการอะไร และจะบรรลุเป้าหมายตอนไหน
M : Measurable (วัดผลได้) เป้าหมายที่ดีต้องวัดผลเป็นตัวเลข หรือเป็นตัวเงินได้อย่างชัดเจน เพราะจะทำให้เราเห็นระยะทางของความก้าวหน้าและรู้ว่าใกล้จะถึงเป้าหมายแล้วหรือยัง
A : Achievable (ทำสำเร็จได้) เป้าหมายที่ดี ต้องสามารถทำให้สำเร็จตามเป้าหมายได้ รู้ว่าต้องควรทำอย่างไร และมีความรับผิดชอบในการทำให้สำเร็จ
R : Realistic (เป็นไปได้) เป้าหมายที่ดี ต้องมีความเป็นไปได้ สมเหตุสมผล สอดคล้องกับความเป็นจริง และมีความเกี่ยวพันกับชีวิต และสุดท้าย
T : Time Bound (มีกรอบเวลาที่ชัดเจน) รู้ว่าต้องใช้ระยะเวลาเท่าใดในการทำให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งโดยทั่วไป เป้าหมายจะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ซึ่งได้แก่ เป้าหมายระยะสั้น (ไม่เกิน 1 ปี) เป้าหมายระยะกลาง (1-10 ปี) และเป้าหมายระยะยาว (10 ปีขึ้นไป)
เมื่อเรารู้วิธี แนวทางที่จะไปให้ถึงเป้าหมายแล้ว และก็ต้องลงมือปฏิบัติ และวางเป้าหมายหมายให้ชัดเจนครับ ซึ่งผมอยากลองให้ท่านผู้อ่านหยิบกระดาษและปากกา พร้อมใช้ใจ ใช้สมองลองจิตนาการภาพของตนเองว่าอนาคต อีก 5 ปี 10 ปี 25 ปี และอีก 50 ปี จะเป็นอย่างไร นึกภาพตัวเองเอาไว้นะครับ แล้วเขียนหรือวาดภาพ ในแต่ละจุดเวลา ลงไปในกระดาษ เมื่อเสร็จแล้ว ลองคิดหาวิธีการทำให้ได้อย่างที่เราคิดครับ ซึ่งผมจะขอยกตัวอย่างที่ผมเคยทำเมื่อตอนผมอายุ 18 ปี ให้ท่านผู้อ่านได้ลองทำพอเป็นแนวทางนะครับ
โดยเป้าหมายแรกของผมนั้นคือ เป้าหมาย 4 ปี ของการเรียน ปริญญาตรี ตอนอายุ 18-22 ปี ผมตั้งเป้าหมาย คือ 1.ต้องเรียนให้ดี (จบเกียรตินิยม) เพื่อให้ได้งานทำดี ๆ และ 2.ตอนเรียนจบผมต้องมีเงินเก็บ 100,000 บาท เพื่อนำไปลงทุนในอนาคต เมื่อตั้งเป้าหมายเสร็จ ก็มาหาวิธีการไปสู่เป้าหมาย ผมเขียนแผนแบบกว้างสัก 2-3 ข้อ แต่ที่สำคัญผมคิดว่าต้องเป็นแผนที่ผมสามารถทำได้จริงในช่วงนั้น โดยผมตัดสินใจที่จะเก็บเงินโดยฝากเข้าบัญชีฝากประจำที่สหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยเดือนละ 2,000 บาท เป็นเวลา 4 ปี เมื่อรวมกับดอกเบี้ยร้อยละ 3.5 ต่อปี ผมก็จะมีเงินตอนเรียนจบ 103,000 บาท นิดๆ ครับ แล้วทำยังไงให้ได้เดือนละ 2,000 บาท ก็ทำโดย การประหยัดให้ได้เดือนละ 1,000 บาท และ หารายได้จากการทำงาน การขายของให้ได้เพิ่มอีกเดือนละ 1,000 บาท ซึ่งไม่ยากเลย สุดท้ายพอผมเรียนจบปริญญาตรี ผมมีเงินเก็บประมาณ 150,000 บาท แต่การเรียนผมก็ไม่ทิ้งนะครับ เพราะเป้าหมายผมต้องการเรียนให้ดีด้วย เพื่อจะได้งานที่ดี ผมก็หาวิธีการเรียนโดยกำหนดวิธีการที่แน่นอน คือ กลางวันไม่เข้าเรียน เพราะไปหางานทำและขายของโดยจะเข้าเรียนเฉพาะวิชาที่อาจารย์เช็คชื่อเท่านั้น แต่กลางคืน ตั้งแต่ 19.00-23.00 น.ของทุกวันจะต้องอ่านหนังสืออย่างเคร่งครัดที่สุดและต้องทำให้ได้ตามแผน หากวันใดขาดตกไป ก็ต้องเก็บไปชดเชยในวันถัด ๆ ไป ผมทำแบบนี้ทุกวันจนเรียนจบ ปรากฎว่าเรียนได้เกียรตินิยมอันดับสอง ซึ่งผมก็โอเคแล้วสำหรับมหาวิทยาลัยและคณะที่ผมเรียนและจากการเรียนดีของผมส่งผลให้ เมื่อเรียนจบมาผมจึงสามารถเข้าทำงานในส่วนราชการได้ทันที
ส่วนเงิน 150,000 บาท ซึ่งเป็นเงินเก็บระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัยนั้น ผมแบ่งไปลงทุน ดังนี้ 1.ทำธุรกิจร่วมกับเพื่อนๆ 2,000 บาท ดูแล้วทำไมน้อยจัง (อนาคตผมจะแนะนำวิธีการเริ่มธุรกิจแบบใช้เงินน้อย ๆ แต่ใช้ความคิดเยอะ ครับ) 2.ลงทุนหาความรู้ให้ตัวเองโดยเรียนปริญญาโท 100,000 บาท 3.เงินส่วนที่เหลือแบ่งครึ่งหนึ่งไปซื้อกองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีและอีกครึ่งหนึ่งเก็บไว้ในบัญชีออมทรัพย์ไว้ใช้เวลาฉุกเฉิน หลังจากนั้นผมก็ทำเป้าหมายช่วงอายุ 23-26 ปี 27-30 ปี และ แผนตอนเกษียณอายุตามลำดับครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับตัวอย่างในการตั้งเป้าหมายของผม ท่านผู้อ่านเห็นไหมครับว่าถ้าหากเรามีการตั้งเป้าหมายในชีวิตให้ชัดแจ้งและมีวิธีปฏิบัติที่ชัดเจนนั้นมันมีพลังมหาศาลที่จะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จได้ แม้ว่าวันนี้ความสำเร็จอาจจะยังไม่ถึงจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจไว้ก็ตาม แต่สิ่งดังกล่าวนี้ก็จะช่วยทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้นะครับ หลังจากที่เรามีเป้าหมายที่ดีแล้ว ก็ต้องเริ่มขั้นตอนต่อไป นั่นก็คือ “ตั้งใจ”และ “มีวินัย” เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่ฝันไว้นะครับ และนี่คือสูตรสำคัญที่สุดในการที่จะทำให้เรามั่งคั่งได้ครับ
หากท่านมีข้อสงสัย หรือมีคำถามสามารถส่งคำถามมาได้ที่ >> slotxo << แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้าครับสวัสดีครับ
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments